เทคนิคการสืบค้นข้อมูล
เทคนิคการสืบค้นข้อมูล หมายถึง วิธีการต่างๆ ที่ใช้ประกอบในการสร้างประโยคการค้นหา เพื่อให้ได้สารสนเทศที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด เทคนิคในการค้นหานั้น สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การค้นหาพื้นฐานหรืออย่างง่าย (Basic Search) และการค้นหาแบบซับซ้อนหรือขั้นสูง (Advanced Search) เพื่อประหยัดเวลาในการสืบค้น ได้ข้อมูลในปริมาณไม่มากเกินไป และได้ผลการสืบค้นที่ตรงตามประสงค์ของผู้สืบค้น สามารถใช้เทคนิคเหล่านี้ ได้แก่
1. เลือก Search Engine ที่เหมาะสม
2. เลือกเว็บไซต์ที่อยู่ใกล้และอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
3. การเลือกใช้คำสำคัญ (Keyword) หรือหัวเรื่อง(Subject) ที่ตรงกับเรื่องที่ต้องการ
4. กำหนดขอบเขตของคำค้น โดยใช้ตัวเชื่อมบูลลีน(Boolean Operators) เช่น AND OR NOT NEAR BEFORE เป็นต้น
การค้นวลี (Phrase Searching) การตัดคำ หรือการใช้คำเหมือน ดังต่อไปนี้
1 Boolean Operators
- AND หรือ เครื่องหมาย + ใช้เมื่อต้องการให้ค้นเอกสารที่มีคำทั้งสองคำปรากฏ เช่น ค้นหาคำว่า Research AND Thailand ข้อมูลที่ได้จะมีเฉพาะคำว่า Research และ Thailand อยู่ในเอกสาร
- OR ใช้เมื่อต้องการค้นหน้าเอกสารที่มีคำใดคำหนึ่งปรากฏ เช่น Research OR
Thailand ข้อมูลที่ได้จะมีคำใดคำหนึ่งหรือมีทั้งสองคำปรากฏอยู่ในเอกสาร
- NOT หรือ เครื่องหมาย – ใช้เมื่อต้องการตัดคำที่ไม่ต้องการให้ค้นออก (คำหลัง NOTหรือ เครื่องหมาย -) เช่น Research NOT Thailand ข้อมูลที่ได้จะมีคำว่า Research แต่จะไม่มีคำว่า
Thailand อยู่ในเอกสาร
- NEAR ใช้เมื่อต้องการให้คำที่กำหนดอยู่ห่างจากกันไม่เกิน 10 คำ ในประโยคเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน (อยู่ด้านหน้าหรือหลังก็ได้) เช่น Research NEAR Thailand ข้อมูลที่ได้จะมีคำว่าResearch และ Thailand ที่ห่างกันไม่เกิน 10 คำ ตัวอย่างเช่น Research on the Cost of
Transportation in Thailand
- BEFORE ใช้เมื่อต้องการกำหนดให้คำแรกปรากฏอยู่ข้างหน้าคำหลังในระยะห่างไม่เกิน 8 คำ เช่น Research BEFORE Thailand
- AFTER ใช้เมื่อต้องการกำหนดให้คำแรกปรากฏอยู่ข้างหลังคำหลังในระยะห่างไม่เกิน 8 คำ เช่น Research AFTER Thailand (parentheses) ใช้เมื่อต้องการกำหนดให้ทำตามคำสั่งภายในวงเล็กก่อนคำสั่งภายนอก เช่น (Research OR Quantitative) and Thailand
2. การค้นวลี (Phrase searching)
เป็นการใช้เครื่องหมายอัญประกาศ (“ ”) เมื่อต้องการกำหนดให้ค้นเฉพาะหน้าเอกสารที่มีการเรียงลำดับคำตามที่กำหนดเท่านั้น เช่น “Methodology Research”
3. การตัดคำ (Word stemming / Truncation)
เป็นการใช้เครื่องหมาย Asterisk (*) ตามท้ายคำ 3 คำขึ้นไป เพื่อค้นหาคำที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรที่กำหนด เช่น Research*
4. คำพ้องความหมาย (Synonym)
เป็นการใช้คำเหมือนที่มีความหมายเดียวกันหรือใกล้เคียงกันเพื่อช่วยให้ค้นเรื่องที่
ครอบคลุม เช่น Ocean Sea Marine
5. เขตข้อมูลเพื่อการค้น (Field Searching)
เป็นการกำหนดเขตข้อมูลเพื่อการค้น เช่น ชนิดของข้อมูล หรือที่อยู่ของข้อมูล เป็นต้น เช่น Text: “green tea” url: NASA
6. ตัวเล็กตัวใหญ่ถือว่าต่างกัน (Case sensitive)
เป็นการใช้ตัวอักษรใหญ่กับตัวเล็กในความหมายที่แตกต่างกัน เช่นใช้ตัวอักษรใหญ่ขึ้นต้นชื่อเฉพาะ เช่น George W. Bush
7. ภาษาธรรมชาติ (Natural Language)
เป็นการสืบค้นจากคำถามที่เป็นภาษาธรรมชาติ เช่น ใช้คำถามภาษาอังกฤษง่ายๆ ที่ต้องการให้ Search Engine หาคำตอบให้ เช่น what is Research?
ที่มา
http://www.webcomzone.com/2010/02/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5/
การใช้โปรแกรมเบาวเซอร์ค้นหาข้อมูล
วิธีเปิดโปรแกรม Internet Explorer และเว็บไซต์ที่ต้องการ
1. คลิกที่ปุ่ม Start
2. เลือกเมนู Program
3. คลิกเลือกโปรแกรม Internet Explorer
4. ปรากฏหน้าเว็บไซต์ที่เป็นหน้าแรก
5. พิมพ์ URL หรือเว็บไซต์ที่ต้องการในช่อง Address
1. การบันทึกข้อมูลเป็นไฟล์ HTML
ขณะที่เราเปิดดูเว็บเพจ เราสามารถบันทึกข้อมูลหน้าเว็บที่เราต้องการ โดยปฏิบัติดังนี้
1. คลิกที่เมนู File
2. เลือกคำสั่ง Save as
3. เลือกที่จัดเก็บ และชนิดของไฟล์ที่ต้องการจัดเก็บ
4. คลิกเลือก Save
2. การจัดเก็บและบันทึกรูปภาพ
การจัดเก็บรูปภาพที่ต้องการในเว็บเพจ สามารถทำได้ โดย
1. วางเมาส์ในตำแหน่งที่รูปภาพปรากฏ
2. คลิกเมาส์ขวา จะปรากฏแถบรายการให้เลือก
ในการกำหนดรูปแบบของภาพที่ต้องการจัดเก็บนั้น สามารถจัดเก็บในรูปแบบที่นิยมดังนี้
ไฟล์ Gif (CompuServe Graphics Interchange Format) มีนามสกุล .gif สามารถจัดเก็บไฟล์บีบย่อให้มีขนาดเล็ก แต่มีข้อจำกัด คือ สามารถแสดงสีได้สูงสุดเพียง 256 สี นิยมใช้กับภาพถ่าย ภาพการ์ตูน ใช้จัดเก็บภาพที่มีความละเอียดไม่มากและมีขนาดเล็ก
ไฟล์ JPEG หรือ JPG (Joint Photographic Experts Group) มีนามสกุล .jpg สามารถแสดงภาพสูงสุดถึง 16.7 ล้านสี และบีบย่อจัดเก็บไฟล์ได้มากกว่า เหมาะสำหรับใช้ในการจัดเก็บรูปขนาดใหญ่ และภาพที่มีสีสัน สดใส และมีความละเอียดสูง
ไฟล์ PNG (Portable Network Graphic) เป็นไฟล์ภาพที่พัฒนามาแทน GIF และ JPG สามารถอ่าน สร้าง และแสดงผลได้ดีกว่า ใช้ได้กับทุกระบบปฏิบัติการ
3. การจัดเก็บพื้นหลังของเว็บเพจ
การจัดเก็บพื้นหลัง (Background) สำหรับนำไปใช้ในการสร้างเว็บเพจ สามารถทำได้เช่นเดียวกับการจัดเก็บรูปภาพ แต่เลือกใช้คำสั่งว่า Save Background As จากนั้นก็กำหนดแหล่งจัดเก็บและชื่อไฟล์ที่ต้องการ
4. การจัดเก็บรูปภาพให้เป็นพื้นหลัง Wallpaper
รูปและพื้นหลังของเว็บเพจ ที่ปรากฏนำมาจัดเก็บเป็นพื้นหลัง ซึ่งมีวิธีการจัดเก็บรูปภาพ
ดังนี้
1. คลิกเมาส์ขวา บริเวณรูปที่ต้องการ จะปรากฏแถบรายการให้เลือก
2. คลิกเลือก Set As Wallpaper
3. ย่อหน้าต่างของโปรแกรมบราวเซอร์ลง จะปรากฏรูปที่เลือกที่หน้า Desktop
เราสามารถเปิดดูไฟล์ที่จัดเก็บไว้ในรูปแบบต่าง ๆ นั้น โดยใช้โปรแกรมบราวเซอร์
หรือ Explorer ดังนี้
เปิดโดยใช้โปรแกรม IE
1. เปิดโปรแกรม IE ขึ้นมา
2. คลิกที่เมนู File เลือกคำสั่ง Open จะปรากฏกรอบให้ใส่ชื่อไฟล์ข้อมูลที่ต้องการ
3. เลือก Browse เพื่อเลือกไฟล์ที่ต้องการเปิด
4. เลือกคลิกไฟล์ที่ต้องการเปิด
5. คลิก Open
ก่อนที่จะพิมพ์หน้าเว็บเพจออกทางเครื่องพิมพ์ เราควรตรวจสอบจำนวนหน้าเว็บที่จะพิมพ์ออกก่อนทุกครั้ง สามารถปฏิบัติได้ดังนี้
1. คลิกที่เมนู File
2. เลือกคำสั่ง Print Preview
3. แสดงตัวอย่างจำนวนหน้าที่จะพิมพ์ในหน้าเว็บเพจ
4. เลือกคำสั่ง Print
5. ระบุงานที่ต้องการพิมพ์ เช่น ชื่อเครื่องพิมพ์ จำนวนหน้า จำนวนฉบับที่ต้องการพิมพ์
ที่มา
http://socialmedia.radompon.com/?p=976